- -แปะตำปึง หรือ จักรนารายณ์ สมุนไพรสรรพคุณครอบจักรวาล
ต้นกำเนิด : ต้นยานี้มาจากประเทศจีน บางท่านเรียกว่า จินฉี่เหมาเยี่ย เข้ามาในไทยพร้อมกับหญ้าปักกิ่งหรือหญ้าเทวดา
แปะตำปึง ถูกตั้งชื่อเป็นไทยว่า จักรนารายณ์ แต่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น กิมกอยมอเช่า หรือ ผักพันปี เป็นต้น
แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 48 06:23:53
|
หมวด : สุขภาพความงาม
พิมพ์หน้านี้ โหวต 0 คน
ต้นแปะตำปึง
เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน มีโอกาสได้ไปเที่ยวทางภาคอีสานมาค่ะ ขากลับ พี่ๆพาแวะทานไก่ย่าง ส้มตำร้านอร่อย แถวๆอุดร เข้าไปในร้านทุกอย่างน่าทานไปหมดเลย โดยเฉพาะข้าวเหนียว ลาบ ส้มตำ ไก่ย่าง และที่ทำให้สะดุดมากๆคือ ผักที่ทางร้านนำมามาให้ทาน ไม่เคยเห้นมาก่อนค่ะ พี่ๆบอกว่ามันเป็นสมุนไพรรักษาโรคเบาหวานได้ด้วย หูผึ่งเลยค่ะ เพราะถ้ามีสรรพคุณดีจริงๆอย่างว่า คงเป็นประโยชน์กับคนไข้ของเรามากๆเลย
แล้วก็อดไม่ได้ที่จะลองทานค่ะ อื่ม...อร่อยค่ะ รสชาดดี ไม่ฝาด มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ยิ่งทานกับลาบ ส้มตำ เข้ากั้น เข้ากันค่ะ เลยต้องบอกแม่ค้าว่าขอผักนี้อีกจาน ทางร้านก็ใจดีมากๆค่ะ ยกมาให้ 1 จาน แปะตำปึงล้วนๆ มื้อนั่น อร่อยดีมีประโยชน์ค่ะ แถมด้วย อิ่มจัง ตังก์อยู่ครบ ซะด้วย
พอมาถึงโคราช พี่เลยแวะไปเอาเจ้าต้นแปะตำปึง ใส่ถุงให้มาปลูกที่ปราณบุรีบ้านเรา พอมาถามเพื่อนๆไม่มีใครรู้จักเลยค่ะ เลยลองมาศึกษาหาข้อมูลเจ้าต้นนี้ดู สรรพคุณมากมายเกินคาดค่ะ อยากให้ลองอ่านกันดู เผื่อจะเป้นประโยชนืกันบ้าง สำหรับคนที่ทานผักง่าย คงจะบอกว่าอร่อย แน่นอนค่ะ
หอบหิ้วมาไกล กว่าจะได้เอาลงกระถาง ก้ปาเข้าไป2วัน จนยอดเหี่ยวเฉา ไม่รู้จะเป็นหรือตายค่ะ แต่พี่เค้าบอกว่ามันตายยาก ก้เอาใจช่วยให้มันฟื้นคืนชีพโดยเร็วค่ะ จะได้เก้บใบมาทานบ้าง
ชื่ออื่นๆ : แปะตำปึง หรือ จักรนารายณ์ สมุนไพรสรรพคุณครอบจักรวาลในไทยพร้อมกับหญ้าปักกิ่งหรือหญ้าเทวดา แปะตำปึง ถูกตั้งชื่อเป็นไทยว่า จักรนารายณ์ แต่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น กิมกอยมอเช่า หรือ ผักพันปี เป็นต้น ลักษณะ : เป็นไม้พุ่มเตี้ย ลำต้นสีเขียว แตกกิ่งก้านอ่อน หักง่าย เมื่อโตเต็มที่ใน ฤดูหนาว จะออกดอกสีเหลืองมีก้านยาว มี 2 ชนิดคือ บนและล่าง เส้นใบด้านบนลึกเช่นเดียวกับเส้นกลางใบแต่ด้านหลังใบกลับนูน กิ่งก้านออกเขียว ปนแดง เปราะหักง่าย (รูปของแบบใบกลมครับ) เพราะขนน้อยกว่าแบบใบกลม จับเทียบดูจะรู้สึกได้ชัด (รูปของแบบใบยาวครับ) สรรพคุณ : สรรพคุณของทั้งสองมีเหมือนกัน มีรสเย็น ใช้ใบเป็นยา รสชาติคล้ายใบชมพู่ สาแหรก โรคที่(มีผู้รับรองว่า)สมุนไพรชนิดนี้รักษาหายแล้วได้แก่ เบาหวาน ความดันสูง ภูมิแพ้ หอบหืด มะเร็ง งูสวัด เกาต์ ริดสีดวงทวารหนัก ขับนิ่ว แผลสะเก็ดเงิน แผลอักเสบ พุพอง-ฝีหนอง ปวดประจำเดือน ปวดเส้น ปวดหลัง ไขมันในเลือด ไทรอยด์ ตาอักเสบ ตาเป็นต้อ โรคตาต่างๆ ปวดเหงือก ปวดฟัน โรคกระเพาะอาหาร โรคหัวใจ โลหิตจาง ฟอกเลือด ล้างสารพิษในร่างกาย ขับลม กินได้ นอนหลับ คนปกติทั่วไปกินแล้วสุขภาพ แข็งแรง เรียกว่าเป็นสมุนไพรครอบจักรวาลเลยทีเดียว การขยายพันธุ์ : หลังจากเด็ดใบมากินหมดแล้ว ให้ตัดกิ่งออกเป็นท่อนๆยาว 10-15 ซ.ม . นำมาปักชำ ไว้ในที่รำไรและหมั่นรดน้ำเสมอๆ ประมาณ 7-10 วัน ก็จะแตกยอด-ออกราก เป็นต้นใหม่ เมื่อโตเต็มที่จะออกดอกสีเหลือง แต่ไม่ติดเมล็ด (ของพ่อด้วงเคยติดเมล็ดนะแต่ เพาะไม่ขึ้น) ต้องปักชำกิ่งเท่านั้น พืชชนิดนี้ไม่ชอบร่มมากนัก ชอบดินร่วน ชอบแดดพอควร ชอบน้ำ แต่อย่าให้มีที่รองน้ำก้นกระถาง รากจะเน่า วิธีใช้ : เป็นพืชสมุนไพรครอบจักรวาลที่ไม่มีพิษภัย ใช้ใบสดๆ ล้างให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง นำมาเคี้ยวกินสดๆหรือใช้ประกอบอาหารกิน เช่นแกงจืดหรือผัดน้ำมัน หรือเป็นเครื่องเคียงกับ ขนมจีน ส้มตำ สลัดผัก ฯลฯได้ หรือจะนำใบมาล้าง ผึ่งแห้ง นำมาบดหรือตำ คั้นเอาแต่น้ำนำไป นึ่งให้สุก ปล่อยให้เย็น ใส่ขวด ใส่ตู้เย็นเก็บไว้ได้นาน แต่ที่ได้ผลดีที่สุด คือกินใบสด ก่อนเข้า นอน 3-5 ใบ วิธีใช้เฉพาะโรค : โรคเบาหวาน - กินใบสดๆ 2-5 ใบ ช่วงตี 5 -ถึง 7 โมงเช้าก่อนอาหาร เพราะลำไส้เริ่มทำงาน จะได้ผลเร็ว และกินอีกครั้งหลังอาหารเย็น 2-3 ชั่วโมงหรือกินก่อนนอน กินเช่นนี้นาน 7 วัน หยุดดูอาการ 2-3 วัน จึงกินต่อเพื่อน้ำตาลในเลือดจะได้ไม่ลดเร็วเกินไป (ขอเสริมตรงนี้นิดนึงว่า ปริมาณการกินของแต่ละคนอาจไม่เท่ากันขึ้นกับขนาดของใบและน้ำหนักตัว จึงขอให้คนป่วย เบาหวานทดลองกินจำนวนใบน้อยๆ ก่อนแล้วคอยดูอาการ เพราะเคยมีคนบอกว่าบางคนกิน แล้วน้ำตาลลดแบบฮวบฮาบ ซึ่งไม่รู้ว่ากินเยอะไปหรืออย่างไรและบางคนบอกว่าใบยาวลดน้ำตาล ได้มากกว่าแบบใบกลมด้วย และพืชชนิดนี้ยังไม่มีผลการวิจัยรองรับเป็นทางการ จึงควรใช้ด้วยการ ระมัดระวังไว้ก่อนล่ะดี) โรคตา - นำใบสดๆมาล้างให้สะอาด บด-โขลกในครกสะอาดๆ ให้แหลก แล้วนำมาพอกตาข้าง ที่อักเสบหรือมัว นาน 30 นาที ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำ พอกเช้า-เย็น ตาจะดีขึ้นเร็วโรคความดัน สูง-ต่ำ มะเร็ง - ให้กินเป็นผัก เช่น จิ้มน้ำพริก ทุกวัน ถ้าเป็นมะเร็งกินก่อนนอน 5-7 ใบ ก่อนนอน ประมาณ 6 เดือน มะเร็งจะลดขนาดลง งูสวัด - นำใบมาตำกับน้ำตาลทรายแดง เพื่อให้จับตัวเป็นก้อน ไม่หลุดง่าย พอกตรงรอยแผลไว้ 30 นาที หรือใช้น้ำคั้นทาก็ได้ ริดสีดวงทวารหนัก - ตำใบสดแล้วใส่ในทวาร จะทำให้หายเร็ว ติ่งที่โผล่จะยุบ เลือดที่ออกจะหยุด โรคกระเพาะ - ถ้าปวดท้องและเป็นโรคกระเพาะ ให้กินเดี๋ยวนั้น สักพักอาการปวดจะหายไป ยังช่วยขับลมที่แน่นในท้องออกมาได้ด้วย สิ่งที่ควรระวัง- อาหารแสลง เช่น กุ้ง เนื้อ ปลาหมึก ปู ปลาทู ปลาร้า หูฉลาม กะปิ ข้าวเหนียว หน่อไม้ แตงกวา หัวผักกาด เผือก สาเก ของดอง แอลกอฮอล์ ชา-กาแฟ ควรงด แต่หากจำเป็น ต้องกิน ขอให้กินแปะตำปึง ก่อนหรือหลัง 2 ชั่วโมง การปลูกใช้เอง ไม่ควรใช้ยาฆ่าแมลง หรือถ้ามีการใช้ปุ๋ย ควรทิ้งไว้อย่างน้อย 1 อาทิตย์ก่อนเก็บใบ มาใช้ และควรล้างให้สะอาดๆก่อนนำมาใช้ โดยเฉพาะการพอกตา) ข้อมูลจาก นสพ.เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 28 มกราคม 2548 โดยทอม แม่โจ้ และผู้มีประสบการณ์ในการใช้ ที่มาข้อมูล : http://www.pamame.com/magazine.html และขอขอบคุณ : พี่ณรงค์ เจ้าของโรงงานไอศรีม ธาราทิพย์ โคราช เป็นอย่างสูงที่ช่วยให้ข้อมูลและเป็นแรงบันดาลใจให้อยากทานพืชผักสมุนไพรเพิ่มขึ้น |
http://yimpaen.com/webboard.php?w=nongorchid